คาสิโน Singapore Model

คาสิโน Singapore ModelSingapore Model

ในปี 2010 สิงคโปร์มีบ่อนคาสิโนแบบ Integrated Resort เกิดขึ้น 2 แห่ง คือ สวนสนุก Sentosa และโรงแรม Marina Bay Sands ในปี 2005 นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง สนับสนุนให้มีการเปิดบ่อนคาสิโนในสิงคโปร์ เพราะเห็นว่าจะช่วยผลักดันการเติบโตด้านการท่องเที่ยวของสิงคโปร์ ก่อนหน้านี้ ในสมัยนายกรัฐมนตรีลี กวนยู คัดค้านมาตลอดเรื่องการเปิดบ่อนคาสิโนในสิงคโปร์ แต่ในที่สุด ลี กวนยู ก็เปลี่ยนความคิด และให้การสนับสนุนโดยบอกว่า การปฏิเสธการพนันจะทำให้โลกมีภาพลักษณ์ด้านลบต่อสิงคโปร์ว่า “เรายังคงหยุดอยู่กับที่เดิม พยายามอนุรักษ์สิงคโปร์ในแบบเก่าๆ คือเป็นเมืองที่เป็นระเบียบเรียบร้อย และไม่มีหมากฝรั่ง”

การท่องเที่ยวของสิงคโปร์บอกว่า บ่อนคาสิโน 2 แห่ง สร้างมูลค่าเศรษฐกิจ 1-2% ให้กับเศรษฐกิจโดยรวมของสิงคโปร์ นักท่องเที่ยวที่มีจำนวนราวๆ 10 ล้านคนในปี 2009 เพิ่มเป็น 16.4 ล้านคนในปี 2016 รายได้จากการใช้จ่ายเงินของนักท่องเที่ยวก็เพิ่มขึ้นจาก 15.5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ในปี 2009 ก่อนที่จะมีคาสิโน เป็น 24.8 พันล้านดอลลาร์ในปี 2016 นอกจากนี้ ยังเป็นปัจจัยช่วยสนับสนุนธุรกิจการจัดประชุม การสัมมนา และการแสดงสินค้าของสิงคโปร์ ซึ่งในปี 2009 มีทั้งหมด 123 งาน เพิ่มเป็น 175 งานในปี 2013

ก่อนที่ญี่ปุ่นจะผ่านกฎหมายอนุญาตให้มีการตั้งบ่อนคาสิโนขึ้นมา ในเดือนธันวาคม 2016 นักการเมืองท้องถิ่นของโอซาก้าได้เดินทางไปดูงานบ่อนคาสิโนในสิงคโปร์ เพื่อไปศึกษาว่า สิงคโปร์ดำเนินการอย่างไรในการป้องกันผลกระทบของบ่อนคาสิโนต่อสังคม เพราะจุดเด่นของบ่อนคาสิโนแบบ Singapore Model คือ รูปแบบดำเนินงานที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง บ่อนคาสิโนในเขมร ที่ห้ามไม่ให้คนท้องถิ่นเข้าไปเล่นการพนัน กับบ่อนคาสิโนของมาเก๊า ที่เปิดให้คนท้องถิ่นเข้าไปเล่นการพนันได้เสรี

Singapore Model วางหลักเกณฑ์เข้มงวดกับนักพนันท้องถิ่น เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศ เพราะบ่อนคาสิโนไม่ได้สร้างความมั่งคั่งใหม่ขึ้นมา แต่มาอาศัยเงินของคนในประเทศแทน และปัญหาผลกระทบทางสังคมจากการติดการพนัน เพราะคนท้องถิ่นที่ติดพนันจะส่งผลกระทบด้านลบต่อสังคม ที่ต่างจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่จะนำปัญหาอันเกิดจากการพนันติดตัวกลับไปประเทศตัวเอง

สิงคโปร์มีวิธีการหลายอย่างที่กีดกันไม่ให้คนท้องถิ่นที่ติดการพนันเข้าไปยังบ่อนคาสิโน เช่น การห้ามตัวเอง การห้ามโดยครอบครัว และการห้ามโดยอัตโนมัติ เช่น คนท้องถิ่นสามารถแจ้งว่าตัวเองไม่ขอเข้าไปบ่อนคาสิโน ครอบครัวสามารถแจ้งชื่อคนในครอบครัว ที่ไม่ต้องการให้เข้าไปเล่นการพนัน และคนที่ล้มละลาย หรือได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐ จะห้ามเข้าคาสิโนโดยอัตโนมัติ เป็นต้น หน่วยงานชื่อ National Council on Problem Gambling (NCPG) เป็นองค์กรที่ดำเนินการจัดทำรายชื่อคนที่ถูกห้ามเข้าบ่อนคาสิโน ซึ่งในปี 2016 มีทั้งหมด 3 แสนกว่าราย

นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังมีระเบียบที่กำหนดให้คนท้องถิ่นเข้าบ่อนคาสิโนได้เพียงเดือนละครั้ง ที่อาจจะมาจากการยื่นเรื่องของนักพนันเอง หรือจากครอบครัว คนท้องถิ่นเข้าบ่อนคาสิโนจะต้องเสียค่าธรรมเนียมค่าเข้าครั้งละ 100 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ 2,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ สำหรับค่าธรรมเนียมรายปีแบบเข้าได้ไม่จำกัดครั้ง มาตรการกีดกันคนท้องถิ่นทำให้เห็นชัดว่า สิงคโปร์มีเป้าหมายให้บ่อนคาสิโนเป็นจุดดึงดูดนักพนันต่างประเทศ และต้องการให้นักท่องเที่ยวอยู่ในสิงคโปร์นานขึ้น

การเติบโตของธุรกิจบ่อนคาสิโนในเอเชีย มีปัจจัยสำคัญที่มาจากลูกค้าที่เป็นนักท่องเทียวชาวจีน ซึ่งเพิ่มสูงมากในแต่ละปี และยังจะมีจำนวนที่เพิ่มได้อีกมากในอนาคต บางประเทศในเอเชีย อย่างเช่น มาเก๊า นักท่องเที่ยวชาวจีนมีสัดส่วนถึง 50% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด ปัจจุบัน จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ไปท่องเที่ยวต่างประเทศมีสัดส่วน 9% ของประชากรจีน 1.36 พันล้านคน เกาหลีใต้มีอัตรา 38% ของประชากร และไต้หวัน 56% เพราะฉะนั้น การเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศของคนจีนจึงมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก